10 เครื่องมือย่อลิงค์ที่คุณไม่ควรพลาด

การย่อลิงค์ (URL Shortening) เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้ URL ยาวๆ กลายเป็นลิงค์สั้นที่สามารถแชร์ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น เครื่องมือย่อลิงค์ไม่เพียงแค่ช่วยให้ลิงค์ดูสวยงามขึ้น แต่ยังช่วยในการติดตามการคลิกและเพิ่มความสะดวกในการจัดการลิงค์อีกด้วย ในบทความนี้เราจะแนะนำ 10 เครื่องมือย่อลิงค์ที่คุณไม่ควรพลาด เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ

1. Bitly

Bitly เป็นหนึ่งในเครื่องมือย่อลิงค์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณสามารถติดตามข้อมูลการคลิกของลิงค์ที่ย่อได้ และยังสามารถสร้างลิงค์ที่มีชื่อเฉพาะ (Custom URL) ได้เช่นกัน โดย Bitly รองรับการใช้ทั้งในรูปแบบฟรีและเสียเงิน ซึ่งฟีเจอร์ที่อยู่ในแผนเสียเงินจะมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การจัดการลิงค์และการรายงานข้อมูลต่างๆ

• จุดเด่น: การติดตามข้อมูลการคลิก, สร้างลิงค์ที่กำหนดเองได้
• ลิงค์: https://bitly.com

2. TinyURL

TinyURL เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก คุณสามารถย่อลิงค์ได้ทันทีและตั้งชื่อ URL ตามต้องการได้เช่นกัน นอกจากนี้ TinyURL ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์ชื่อที่กำหนดเองได้ ซึ่งจะทำให้ลิงค์ดูสวยงามและจดจำง่ายขึ้น

• จุดเด่น: ใช้งานง่าย, ไม่ต้องสมัครสมาชิก, ตั้งชื่อ URL ได้
• ลิงค์: https://tinyurl.com

3. Rebrandly

Rebrandly คือเครื่องมือที่ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการสร้างแบรนด์ ลิงค์ที่ย่อลิงค์ผ่าน Rebrandly จะมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างลิงค์ที่มีชื่อแบรนด์หรือคำเฉพาะของคุณเองได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การติดตามการคลิกและการจัดการลิงค์ในเชิงลึก

• จุดเด่น: สร้าง URL ที่มีแบรนด์, ฟีเจอร์การติดตามข้อมูลที่ละเอียด
• ลิงค์: https://www.rebrandly.com

4. BL.INK

BL.INK เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาสำหรับธุรกิจที่ต้องการจัดการลิงค์และการติดตามข้อมูลการคลิกอย่างมืออาชีพ เครื่องมือนี้เหมาะสำหรับการใช้ในองค์กรใหญ่ๆ ที่ต้องการการจัดการลิงค์ในระดับสูง รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับแต่งลิงค์

• จุดเด่น: เหมาะสำหรับธุรกิจ, การติดตามข้อมูลและการวิเคราะห์
• ลิงค์: https://www.bl.ink

5. T2M

T2M เป็นเครื่องมือย่อลิงค์ที่มีฟีเจอร์ครบครัน สามารถสร้างลิงค์ที่กำหนดเองได้และยังมีฟีเจอร์การติดตามการคลิกในรูปแบบที่ละเอียด โดย T2M มีทั้งแผนฟรีและแผนเสียเงินที่เหมาะกับการใช้งานในระดับธุรกิจ

• จุดเด่น: สร้าง URL ที่กำหนดเอง, ติดตามข้อมูลการคลิก
• ลิงค์: https://t2m.io

6. Short.io

Short.io (เดิมคือ short.cm) เป็นเครื่องมือย่อลิงค์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างลิงค์ที่มีชื่อโดเมนของตัวเองได้ โดย Short.io มอบฟีเจอร์การจัดการลิงค์และการติดตามข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการตั้งค่าความปลอดภัยต่างๆ

• จุดเด่น: ตั้งชื่อโดเมนของตัวเองได้, ฟีเจอร์การจัดการลิงค์ครบครัน
• ลิงค์: https://short.io

7. Linktree

Linktree เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการสร้างลิงค์หลายๆ ตัวในลิงค์เดียว โดยเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการแชร์หลายลิงค์ในที่เดียว เช่น สำหรับการใช้ในโซเชียลมีเดีย Linktree จะช่วยให้สามารถรวมลิงค์ทั้งหมดในหน้าเดียวได้

• จุดเด่น: รวมหลายลิงค์ในลิงค์เดียว, เหมาะสำหรับโซเชียลมีเดีย
• ลิงค์: https://linktr.ee

8. Google URL Shortener (ยกเลิก)

Google URL Shortener หรือ goo.gl เคยเป็นเครื่องมือย่อลิงค์ที่ได้รับความนิยม แต่ปัจจุบัน Google ได้ยกเลิกการให้บริการแล้ว อย่างไรก็ตามบางคนยังคงใช้งานต่อไป เพราะในอดีต Google ได้ให้ฟีเจอร์การติดตามข้อมูลการคลิกและการสร้างลิงค์ที่ง่ายดาย

• จุดเด่น: ความสะดวกในการใช้, ฟีเจอร์การติดตาม (เมื่อยังใช้งาน)
• ลิงค์: https://goo.gl (ไม่สามารถใช้ได้แล้ว)

9. is.gd

is.gd เป็นเครื่องมือที่ให้บริการย่อลิงค์ฟรีและง่ายที่สุด โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก คุณสามารถย่อลิงค์ได้ทันทีและสร้างลิงค์สั้นๆ เพื่อใช้งานได้ง่ายดาย

• จุดเด่น: ใช้งานง่าย, ฟรี, ไม่ต้องสมัครสมาชิก
• ลิงค์: https://is.gd

10. Ouo.io

Ouo.io เป็นเครื่องมือย่อลิงค์ที่มีฟีเจอร์การสร้างรายได้จากการแชร์ลิงค์ โดย Ouo.io จะมีการแทรกโฆษณาในระหว่างที่ผู้ใช้คลิกลิงค์ของคุณ หากคุณต้องการสร้างรายได้จากการแชร์ลิงค์ สามารถเลือกใช้ Ouo.io ได้

• จุดเด่น: สร้างรายได้จากการแชร์ลิงค์, ฟรี
• ลิงค์: https://ouo.io

สรุป

เครื่องมือย่อลิงค์ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณสามารถแชร์ลิงค์ได้สะดวกขึ้น แต่ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการติดตามข้อมูลการคลิกและการจัดการลิงค์อย่างมืออาชีพ ทุกเครื่องมือที่กล่าวถึงในบทความนี้ล้วนมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ในแต่ละลักษณะการใช้งานได้ หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือย่อลิงค์ที่มีฟีเจอร์ครบครันและเหมาะกับการใช้งานของคุณ อย่าลืมเลือกเครื่องมือที่ตอบสนองความต้องการได้ดีที่สุด!